เอาโฟเดอร์ Dropbox มาไว้ที่ Start Menu (Windows 7)
เอาโฟเดอร์ Dropbox มาไว้ที่ Start Menu (Windows 7)

บางท่านยังไม่ทราบว่า Dropbox คืออะไร Dropbox ก็คือเว็บไซต์ที่บริการให้พื้นที่เก็บไฟล์ต่างๆ ของคุณในลักษณะ Online Backup Service โดยให้พื้นที่เก็บไฟล์ได้ถึง 2 GB เป็นบริการซิงก์และฝากไฟล์แบบออนไลน์ ซึ่งผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงข้อมูลที่ฝากอยู่ได้จากทุกๆ ที่ที่มีอินเทอร์เน็ต  กล่าวคือเมื่อผู้ใช้งานได้ติดตั้งตัวโปรแกรมและจับไฟล์ต่างๆ โยนเข้าไปไว้บนโฟลเดอร์ที่ Dropbox สร้างแล้วมันก็จะถูกดึงไปไว้บน Server ของ Dropbox โดยทันที ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงโฟลเดอร์นี้ได้จากเครื่องคอมพิวเตอร์ใดๆ ที่ได้ติดตั้งโปรแกรม Dropbox ไว้ (รองรับทั้ง Windows, Mac, Linux และiPhone) นอกจากนั้น ถ้าไม่สะดวกที่จะติดตั้งโปรแกรม ผู้ใช้งานยังสามารถเข้าถึงไฟล์ที่ฝากไว้ผ่านทางเวบไซต์ Dropbox  ได้โดยตรงอีกด้วย และที่สำคัญก็คือ ถ้าในขณะที่เรากำลังอัพโหลดไฟล์เข้าโฟลเดอร์ Dropbox อยู่แล้วอินเทอร์เน็ตเกิดหลุดขึ้นมา ทางโปรแกรมจะทำการ resume การอัพโหลดให้ใหม่โดยอัตโนมัติเมื่อเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตอีกครั้ง สำหรับวันนี้ไม่ได้มาเชิญชวนให้ใช้บริการ Dropbox ( คุณสามารถเอาไปหารายละเอียดได้ที่ http://www.dropbox.com ) แต่จะมาบอกวิธีเอาช็อตคัตของโฟลเดอร์ของ Dropbox  (ไม่ใช่ช็อตคัตโปรแกรมนะครับ) ที่คุณได้ติดตั้งโปรแกรม Dropbox ไว้แล้วให้มาอยู่ที่ Start Menu เพื่อความสะดวก ในการเปิดขึ้นมาใช้งาน 1.ให้คลิกขวาที่ปุ่ม Start Menu เลือก Properties หน้าต่าง Taskbar and Start Menu Properties จะเปิดขึ้นมา โดยแสดงผลที่แท็บ Start Menu ให้คลิกที่ Customize. 2.หน้าต่างต่อมา Customize Start Menu ให้หาหัวข้อ Recorded TV แล้วคลิกทำเครื่องหมายจุดที่ Display as a link แล้วคลิก OK 3.ให้คลิกที่ปุ่ม Start Menu จะเห็นเมนู Recorded TV ให้คลิกขวาที่นี่ แล้วเลือกคำสั่ง Rename เปลี่ยนชื่อเป็น Dropbox หรือชื่อที่มีความหมายทำนองนี้ 4.เมื่อเปลี่ยนชื่อแล้วให้คลิกขวาที่นี่อีกครั้ง เลือกคำสั่ง Properties   ที่แท็บ Library ให้ดูที่ Library locations จะมีตำแหน่งพาธของ Recorded TV อยู่ ให้เอาออกโดยคลิกที่ Remove 5 จากนั้นให้คลิกที่ Include a folder แล้วไปหาที่ตั้งของโฟลเดอร์ Dropbox ซึ่งปกติจะอยู่ที่ C:\Users\ชื่อuser\Dropbox จากนั้นที่ Optimize this library for ให้เลือกเป็น  General Items แล้วคลิก OK 6.ต่อจากนี้ไป เมื่อคุณคลิกที่เมนู Dropbox ที่คุณสร้างขึ้นมา ก็จะเป็นการเรียกโฟลเดอร์ Dropbox ของคุณออกมา

04 Feb 2554 09:13 ผู้ชม: 3539
 แนะนำการเลือกซื้อฮาร์ดดิสก์สำหรับโน๊ตบุ๊กเพื่อการอัพเดต
แนะนำการเลือกซื้อฮาร์ดดิสก์สำหรับโน๊ตบุ๊กเพื่อการอัพเดต

วันนี้จะแนะนำเรื่องของฮาร์ดดิสก์ของโน๊ตบุ๊ก สำหรับบางคนที่อยากซื้อมาเปลี่ยนของตัวเองไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอย่างเช่น อยากได้ฮาร์ดดิกส์ที่ใหญ่ขึ้นหรืออยากได้ฮาร์ดดิสก์ที่เร็วขึ้น วันนี้มาทำความรู้จักกับเรื่องของฮาร์ดดิสก์กับแบบง่ายๆ ครับ 1. ขนาด ขนาดของฮาร์ดดิสก์ที่พูดถึงนี้ไม่ใช่เรื่องของความจุครับ แต่เป็นขนาดสัดส่วนของฮาร์ดดิสก์ โดยทั่วไปแล้วฮาร์ดดิสก์ที่หาซื้อได้ทั่วๆ ไปจะมีอยู่สองขนาดใหญ่ๆ คือ 3.5 นิ้ว และ 2.5 นิ้ว ที่จริงยังมี 1.8 นิ้ว ด้วย แต่จะเป็นฮาร์ดดิสก์ที่มักเอาไว้ใช้กับเครื่องที่มีขนาดเล็ก หรือเน้นน้ำหนักให้เบาที่สุด ย้อนกลับมาที่ขนาดที่ว่าไว้กันบ้าง ฮาร์ดดิสก์ขนาด 3.5 นิ้ว จะใช้กันในเครื่องพีซีตั้งโต๊ะ ส่วนขนาด 2.5 จะใช้ในโน๊ตบุ๊กนั้นเอง ดังนั้น ถ้าจะซื้อก็หาซื้อตัวที่มันเล็กๆ แบนๆ ซึ่งถ้าเรามองราคาเทียบกับความจุแล้วอาจจะคิดว่าราคาเท่ากัน แต่จริงๆ ไม่เท่าเพราะความเร็วของฮาร์ดดิสก์ขนาด 2.5 นิ้ว นั้นจะช้ากว่านั้นเองครับ 2. ความเร็ว สำหรับความเร็วในการทำงานของฮาร์ดดิสก์แบบจานหมุนทั่วไปนั้นจะอยู่ที่ 5400 RPM สำหรับขนาด 2.5 นิ้ว และ 7200 RPM สำหรับขนาด 3.5 นิ้ว ส่วนคำว่า RPM ย่อมาจาก Round Per Minute หรือ รอบต่อนาที ยิ่งความเร็วสูงเท่าไร ฮาร์ดดิสก์ก็สามารถหมุนหาข้อมูลได้เร็วเท่านั้น เราสามารถคิดความเร็วของ RPM ออกมาเป็น เฮิรตซ์ (Hz) ได้นะครับ เพราะ Hz หมายถึง 1 ครั้งต่อวินาที 1 RPM จึงเท่ากับ 1/60 Hz นั้นเอง ดังนั้น พูดเป็นภาษาคนก็หมายความว่า ฮาร์ดดิสก์โน๊ตบุ๊กของคุณทำงานที่ความเร็ว 90 Hz เท่านั้น “ช้าโคตร” แต่การมีฮาร์ดดิสก์ที่ทำงานได้เร็วขึ้นก็หมายถึง ราคาที่สูงขึ้น ความจุที่น้อยลง และมันก็กินไฟมากขึ้นด้วย 3. ความจุ ความจุของฮาร์ดดิสก์โน็ตบุ๊กทุกวันนี้ ค่อนข้างใหญ่มากแล้วนะครับ บางเครื่องติดตั้งขนาด 640 GB มาให้แล้ว บางเครื่องติดตั้งแบบ 7200 RPM มาให้ด้วย ดังนั้น จึงไม่มีเหตุจำเป็นที่จะต้องไปเปลี่ยนมากนัก แต่ถ้าเป็นเครื่องที่เก่าแล้ว หรือเครื่องแบบเน็ตบุ๊ก ที่ได้ฮาร์ดดิกส์มา 250 GB หรือ 320 GB ก็โอเคที่จะซื้อมาเปลี่ยน ความจุที่เห็นว่ามีขายในบ้านเราต้องนี้ก็มี 250 GB, 320 GB, 500 GB, 640 GB และ 1 TB 4. Solid State Drive รายท่านคงทราบกันแล้วถึงฮาร์ดดิสก์แบบใหม่ที่เราเรียกว่า SSD หรือ Solid State Drive ซึ่งมีความเร็วในการทำงานสูงมาก ลักษณะคล้ายๆ Flash Drive ที่เราใช้ๆ กัน มีตัวควบคุมเป็นจุดสำคัญในการสั่งงานการไหลของข้อมูล ยี่ห้อที่มีขายในบ้านเราก็เช่น Intel, Kingtons, Corsair ราคาก็ขึ้นอยู่กับขนาดและคุณภาพของตัวควบคุมด้วยครับ ณ ตอนนี้ 40 GB ของ Intel ก็ประมาณ 3,000 บาทแล้ว เหมาะจะเอาไว้เป็นไดรฟ์หลักที่ลงโปรแกรมโดยเฉพาะ เพื่อให้การโหลดข้อมูลทำได้เร็วมากขึ้น ข้อจำกัดของการเปลี่ยนฮาร์ดดิสก์ในโน็ตบุ๊ก 1. ฝาด้านล่างของโน๊ตบุ๊ก ถ้าคุณพลิกเครื่องไปดูข้างใต้ จะเห็นว่าบางเครื่องมีการทำช่องใหญ่ๆ ให้เปลี่ยนฮาร์ดดิสก์ได้ง่ายๆ บางเครื่องเปลี่ยนได้แต่แรม บางเครื่องออกแบบไม่ดี ซวยมากๆ เปลี่ยนอะไรไม่ได้เลย นอกจากจะรื้อเครื่องออกมาทั้งหมด เรื่องของเครื่องก็ต้องไปดูกันเอาเองนะครับ ว่าเครื่องไหนทำได้แค่ไหน 2. ความเร็วหรือความจุ ฮาร์ดดิสก์ของโน๊ตบุ๊กต้องเข้าใจอยู่อย่างว่า มันต้องทำให้ประหยัดพลังงานด้วยในระดับหนึ่ง ดังนั้น ถ้าคุณอยากจะได้ฮาร์ดดิกส์ที่มีความเร็วสูงๆ ก็จะเหลือตัวเลือกให้ไม่มาก รวมทั้งขนาดสูงสุดก็อยู่ประมาณ 500 GB เท่านั้น จะให้ยอดเยี่ยมแบบฮาร์ดดิสก์พีซีที่ตัวใหญ่กว่าก็คงจะไม่ไหว ที่เห็นมีผูกขาดในบ้านเราก็ Western Digital รุ่น Scorpio Black ที

26 Jan 2554 17:37 ผู้ชม: 3797
เลือกดูแรมอย่างไรให้ถูกใจทั้งคนและเครื่อง
เลือกดูแรมอย่างไรให้ถูกใจทั้งคนและเครื่อง

RAM (อ่านว่าแรม) ย่อมาจาก Random-Access Memory เป็นหน่วยความจำหลักที่รับส่งข้อมูลแบบสุ่ม ใช้ส่งถ่ายข้อมูลใด ๆ อาจเป็นโปรแกรมที่กำลังทำงาน หรือข้อมูลที่ใช้ในการประมวลผลของโปรแกรมที่กำลังทำงานอยู่ ข้อมูลในแรมจะหายไปทันที เมื่อระบบคอมพิวเตอร์ถูกปิดลง เนื่องจากหน่วยความจำชนิดนี้จะเก็บข้อมูลได้เฉพาะเวลาที่มีกระแสไฟฟ้าหล่อเลี้ยงเท่านั้น ปัจจุบันหน่วยความจำชนิดนี้ได้มีการพัฒนาความจุให้ใหญ่ขึ้น และมีความเร็วในการส่งถ่ายข้อมูลดีขึ้น แต่วันนี้เราจะมาดูกันแค่โน้ตบุ๊ก/เน็ตบุ๊กเท่านั้น ประเภทของแรม แรมที่พบเจอในโน้ตบุ๊ก/เน็ตบุ๊กส่วนใหญ่จะเป็น SO-DIMM โดยที่ SO ย่อมาจาก Small Outline และ DIMM ย่อมาจาก Dual In-line Memory Module แรมของเน็ตบุ๊กจะมีขนาดเท่ากับแรมของโน้ตบุ๊ก สามารถแบ่งแรมตามช่องเสียบได้ ดังนี้ DDR มีความเร็ว Bus คือ 200/266/333/400 DDR2 มีความเร็ว Bus คือ 400/533/667/800 DDR3 มีความเร็ว Bus คือ 800/1066/1333/1600 แรมในโน้ตบุ๊กจะไม่สามารถใส่แทนกันได้ เพราะช่องไม่เท่ากัน แต่อาจมีข้อยกเว้นบาง Chipset เช่น GM45 สามารถรองรับได้ทั้ง DDR2 และ DDR3 ขึ้นอยู่กับว่าเมนบอร์ดให้ช่องเสียบมาเป็นแบบไหน ต้องดูจากแรมเดิมที่ใส่อยู่ ความแตกต่างระหว่าง DDR กับ DDR2 แม้จะห่างกันเล็กน้อย แต่ก็ทำให้ไม่สามารถใส่ลงไปได้ หากฝืนใส่ลงไปอาจทำให้เกิดความเสียหายได้ ความแตกต่างระหว่าง DDR2 กับ DDR3 ช่องต่างกันเห็นได้อย่างชัดเจน ความแตกต่างของแรมทั้งสาม หากซื้อแรมมาผิดงานเข้าแน่ ตรวจสอบแรมในเครื่อง ก่อนอื่นจะต้องรู้ว่าแรมในเครื่องเป็นแบบไหน เพื่อจะได้เปลี่ยนได้อย่างถูกต้อง โดยจะมีวิธีการตรวจสอบแรม แนะนำเป็นสองโปรแกรมนี้ คือ CPU-Z และ AIDA64 (โปรแกรม Everest นั่นเอง) แต่ถ้าหากสะดวกก็เปิดใต้เครื่องดูโดยตรง ทำให้มั่นใจกว่า ซึ่งสามารถติดตามข่าวสารและดาวน์โหลดโปรแกรมได้ที่ http://www.cpuid.com/ โปรแกรม CPU-Z

26 Jan 2554 17:28 ผู้ชม: 4467
วิธีในการเพิ่มความเร็วในการเล่นอินเตอร์เน็ต
วิธีในการเพิ่มความเร็วในการเล่นอินเตอร์เน็ต

วิธีในการเพิ่มความเร็วในการเล่นอินเตอร์เน็ต ติดตั้ง Driver ของ Modem ของคุณให้ถูกต้องถือว่าเป็นเรื่องสำคัญ เพราะว่าการใช้ Driver ที่ถูกต้องจะทำให้เราสามารถใช้ความสามารถของโมเด็มได้มากที่สุด วิธีการตรวจสอบให้เข้า คลิกปุ่ม Start เลือก Control Panel จากนั้นคลิกไอคอน Modem แล้วคลิก General Tab ลองสังเกตดูว่าชื่อโมเด็มตรงกับที่ใช้อยู่หรือไม่ ถ้าไม่ใช้ให้ติดต่อบริษัทที่คุณซื้อมา หรือถ้าไม่สะดวกให้เข้าไปที่เวปไซท์ ของเจ้าของ Modem นั้น ๆ แล้วเลือก downlaod Driver ของ Modem ของคุณ เลือกเวอร์ชั่นล่าสุด  ซื้อโมเด็มที่มีความเร็วสูงสุดเรื่องง่าย ๆ ครับ ถ้าอยากเร็วก็ซื้อโมเด็มที่เร็ว ๆ ถูกไหมครับ.. แต่อย่างไรก็ตาม ความเร็วของ PC ที่คุณใช้ก็ส่วนที่จะ ช่วยให้การใช้งานอินเตอร์เน็ตเร็วขึ้นด้วย โมเด็มตัวเดียวไม่พอ ใช้สองตัวซิครับ ข้อนี้ไม่ค่อยอยากแนะนำเพราะว่าคุณต้องเสียเงินเพิ่ม และเสียค่าโทรศัพท์ในการใช้งานเพิ่มด้วย แต่ก็เป็นวิธีที่ดีที่ต้อง การการใช้งานอินเตอร์เน็ตที่เร็วมากขึ้น แต่อย่างไรก็ตามการใช้ Modem 2 ตัวได้นั้น จะต้องขึ้นกับทาง ISP ที่คุณใช้ บริการว่า support Modem 2 ตัวหรือไม่ ยังไงก็สอบถามก่อนน่ะครับ เลือก ISP ที่เร็วและดีที่สุด ผมก็เป็นผู้หนึ่งที่ใช้บริการกับหลายๆ ISP แต่ก็ยังไม่ค่อยถูกใจ ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง Support หรือเรื่องระบบ หลาย ๆครั้ง เกิดปิดระบบดื้อ ๆ (แก้ไข Server) กว่าจะรู้ว่าทำให้วันนั้นทั้งวันผมต้องเสียเวลาตรวจสอบระบบภายใน นึกว่าของตนเอง เสียหาย ดังนั้น วิธีง่าย ๆในการเลือก ISP มาใช้คือ ใช้ชุดอินเตอร์เน็ตสำเร็วรูปสัก 10 ชั่วโมง แล้วลองใช้ดูก่อน เลือกหมายเลขโทรศัพท์ในการเชื่อมให้ถูกต้อง ข้อนี้สำคัญมาก เนื่องจากหลาย ๆ ท่านยังไม่เข้าใจ ISP จะมีบริการอินเตอร์เน็ตหลายๆ ระดับ ขึ้นกับความเร็วของ Modem ของคุณ เช่น ถ้าใช้ Modem 33.6 kbps จะต้องใช้หมายเลขโทรศัพท์เบอร์ใด และถ้าคุณใช้ Modem 56 kbps คุณจะต้อง ใช้โทรศัพท์เบอร์ใด แต่อย่างไรก็ตามถ้าคุณใช้เบอร์ผิด อาจติดต่อได้ แต่นั่นทำให้การใช้งานอินเตอร์เน็ตช้าลงได้  

15 Jan 2554 15:49 ผู้ชม: 3255
5 วิธีป้องกัน ไวรัสคอมพิวเตอร์ แบบง่าย ๆ
5 วิธีป้องกัน ไวรัสคอมพิวเตอร์ แบบง่าย ๆ

ไวรัสสำหรับคอมพิวเตอร์ ก็คล้าย ๆ กับเชื้อโรคที่เป็นสาเหตุของโรคหวัดของเรานั่นแหละ นอกจากจะทำร้ายคอมพิวเตอร์ของเรา ยังอาจลุกลามไปถึงเครื่องคนอื่นได้ โดยเฉพาะในออฟฟิศหรือสำนักงาน มาป้องกันไวรัสด้วยวิธีง่าย ๆ นี้ดีกว่าอย่าเปิดอ่านอีเมลแปลก ๆ เวลาที่คุณเช็กอีเมล ถ้าเผอิญเจออีเมล์ชื่อแปลก ที่ไม่รู้จักให้สงสัยไว้ก่อนเลยว่าต้องมีไวรัสแน่นอน แม้ว่าชื่อหัวข้ออีเมลจะดูเป็นมิตรแค่ไหน ก็อย่าเผลอกดเข้าไปเด็ดขาดล่ะใช้โปรแกรมตรวจจับและกำจัดไวรัส (Anti-virus) ต้องยอมรับว่า ไม่มีโปรแกรมตรวจจับและกำจัดไวรัสโปรแกรมใดสมบูรณ์แบบ จะต้องอัพเดตโปรแกรมที่ใช้ตรวจจับและกำจัดไวรัสอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้ครอบคลุมถึงไวรัสชนิดใหม่ ๆอย่าโหลดเกมมากเกินไป เกมคอมพิวเตอร์จากเว็บไซต์ต่าง ๆ อาจมีไวรัสซ่อนอยู่ ไม่ควรโหลดมาเล่นมากเกินไป และควรโหลดจากเว็บไซต์ที่เชื่อถือได้เท่านั้น บางทีเว็บไซต์จะมีเครื่องหมายบอกว่า "No virus หรือ Anti virus" อยู่แบบนี้ถึงจะไว้ใจได้สแกนไฟล์ต่าง ๆ ทุกครั้งก่อนดาวน์โหลดไฟล์ทุกประเภท ควรทำการสแกนไฟล์ รวมทั้งข้อมูลจากภายนอกก่อนเข้ามาใช้ในเครื่อง ไม่ว่าจะเป็น CD, Diskette หรือ Handydrive ต้องใช้โปรแกรมค้นหาไวรัสเสียก่อนหมั่นตรวจสอบระบบต่าง ๆ ควรตรวจสอบระบบต่าง ๆ ของเครื่องคอมพิวเตอร์อย่างสม่ำเสมอ เช่น หน่วยความจำ, การติดตั้งโปรแกรมใหม่ ๆ ลงไป, อาการแฮงค์ (Hang) ของเครื่องเกิดจากสาเหตุใด บ่อยครั้งหรือไม่ ซึ่งคุณอาจจะต้องติดตั้งโปรแกรมพวกบริการ (Utilities) ต่าง ๆ เพิ่มเติมในเครื่องด้วยTip ... รู้ได้อย่างไรว่าคอมพิวเตอร์ติดไวรัสแล้ว1. การทำงานของคอมพิวเตอร์ช้าลงกว่าปกติ2. คอมพิวเตอร์หยุดทำงานโดยไม่ทราบสาเหตุ3. อยู่ดี ๆ ข้อมูลบางอย่างก็หายไป4. ตัวเครื่อง Restart เองโดยไม่ได้สั่ง5. แป้นพิมพ์ทำงานปกติหรือไม่ทำงานเลย

06 Jan 2554 17:42 ผู้ชม: 2925
คาถาวิเศษ สั่ง Nero ไรด์เเผ่นให้ได้ 830 เมก เต็มๆๆๆ
คาถาวิเศษ สั่ง Nero ไรด์เเผ่นให้ได้ 830 เมก เต็มๆๆๆ

ปล. แผ่น CD-R 700MB/80Min หมายถึงแผ่น cdr ที่ไรท์ข้อมูลลงไป(โดยเครื่องไรท์ทั่วๆไปที่ผลิตอยู่ในมาตราฐานหรือเรียก ว่าเครื่องที่มีคุณภาพดี) โดยที่ข้มูลไม่เกิน 700MB โอกาสทีจะเกิดแผ่นเสีย จะน้อยกว่า 1%หากเราพยายามที่จะไรท์ ข้อมูลให้ได้มากกว่า 700 %ที่จะเกิดข้อผิดพลาด(แผ่นเสีย)จะสูงมากขึ้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับ คุณภาพของแผ่น(ยี่ห้อ), สภาพผิวของแผ่น ,สภาพของหัวlaser ,สภาพของ len , มาตราฐานเครื่องไรท์ ฯลฯ รวมถึงประสิทธิภาพของ โปรแกรมที่ใช้ไรท์ที่เรากำลังทำอยู่นี่ คือการพยายาม ทำอะไรที่ทะลุขีดจำกัดมาตราฐาน โอกาสเกิดข้อผิดพลาดย่อมมีมากกว่าปกติ(ของผมไรท์ปกติไม่เกิน 700 ใช้แผ่น princo ขาว cdrom ของ asus ใน 100 แผ่น ยังมีเสีย 2-3แผ่น)สิ่งที่นำเสนอนี้ไม่ใช่มาตราฐานใหม่ เพียงแต่เป็นแนวทางให้เลือกหากมีความจำเป็นที่จะต้องทำดังนั้นหากจะทำการแหกมาตราฐาน แนะนำว่าให้ใช แผ่น cdr ที่มียี่ห้อหน่อย เลือกไดรว์ cdrom ที่มีคุณภาพ โอกาสแผ่นเสียจะลดลงครับ+++ วิธีทำ +++1.เปิด โปรแกรม Nero Express2.คลิก More เลือก Configure3.General => status bar : yellow marker ใส่เป็น 80 : red marker ใส่เป็น 994. กด Apply => OK.5. Expert Features => เลือกเครื่องหมายถูก หน้า Enable overburn Disk- at- once6. ตรง Maximum CD size : ใส่ 99 (min)7. กด Apply => OK.8. เลือก File ที่ต้องการ Burn => finished => next9. กด More ตรง Write Method เลือก Disk-at-once10. Burn11. จะมี ข้อความขึ้นมาหน้าจอ ถามว่า Over Burn WritingPrevention better than cureเลือก Write Overburn Disc12. รอ จนมีข้อความ completed successfully

14 Dec 2553 11:26 ผู้ชม: 4618
จะทำไงดีให้รู้ว่า Nvidia Optimus มันสลับการ์ดจอแยกหรือออนบอร์ดให้เรานิ
จะทำไงดีให้รู้ว่า Nvidia Optimus มันสลับการ์ดจอแยกหรือออนบอร์ดให้เรานิ

หลังจากที่ Nvidia Optimus เปิดตัวมาซึ่งแนวคิดตอนแรกมันแหล่มมาก ด้วยการสลับการ์ดจอแยกจาก Nvidia กับการ์ดจอออนบอร์ดของอินเทลให้โดยอัตโนมัติโดยที่เราไม่ต้องไปสั่งอะไรมันเลย โดยตัว Nvidia Optimus จะคิดเองว่าโปรแกรมที่เราใช้งานอยู่สมควรจะใช้การ์ดจออะไร แต่เอาเข้าจริงๆแล้วกลายเป็นจุดด้อยของ Nvidia Optimus เพราะด้วยที่มันสลับให้เราโดยอัตโนมัติทำให้เราไม่รู้ว่ามันใช้การ์ดจอแยกหรือการ์ดจอออนบอร์ดอยู่ทำให้เราไม่รู้ถึงประสิทธิภาพจริงๆของเครื่องขณะที่เรากำลังใช้งาน วันนี้ NBS เลยมีโปรแกรมเล็กๆที่มีชื่อว่า Nvidia optimus test tool ซึ่งจะทำหน้าที่คอยตรวจสอบว่าขณะนี้เครื่องเราใช้งานการ์ดจอชนิดใดอยู่ โดยจะแสดงอยู่ที่มุมซ้าย ถ้าเป็นออนบอร์ดจาก Intel ก็จะขึ้นว่า Off ถ้าเป็นการ์ดจอแยกจาก Nvidia ก็จะขึ้นว่า ON Link : >>Download<<   แต่ก็ต้องยอมรับว่า Nvidia optimus ยังมีปัญหาอีกมากมาย เช่นไม่ยอมสลับการ์ดจอแยกให้แม้จะใช้งานโปรแกรมหนักๆ หรือไดร์ฟเวอร์ที่ยังไม่สมบูรณ์แบบ ซึ่ง Nvidia คงต้องกลับไปปรับปรุงอีกมากให้ Nvidia optimus ทำงานได้อย่างสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น

03 Dec 2553 11:45 ผู้ชม: 5346
 20 Shortcut ที่คุณต้องรู้สำหรับ Internet Explorer และ Mozilla Firefox
20 Shortcut ที่คุณต้องรู้สำหรับ Internet Explorer และ Mozilla Firefox

Internet Explorer 8 1. เบราเซอร์ส่วนใหญ่มีระบบ Caret Browsing เอาไว้ในกรณีที่เราหาเมาส์ไม่ได้จริง ๆ ด้วยการกด F7 จากนั้นจะมีหน้าต่างขึ้นมาถามว่าจะเปิดใช้งานหรือเปล่า ก็ให้กด Yes และจะมีเคอร์เซอร์กะพริบ ๆ จากนั้นเราก็สามารถเลื่อนหน้าเว็บหรือพิมพ์ข้อความได้แล้ว 2. ถ้าอยากปรับขนาดตัวอักษร ก็แค่กด CTRL+ “+” เพื่อเพิ่มขนาดให้ใหญ่ขึ้น กด CTRL + “-” เพื่อลดขนาด และอย่าลืมกด CTRL + 0 เพื่อปรับขนาดกลับมาเหมือนเดิม 3. ถ้าอยากหาข้อมูลจาก Search Box เร็ว ๆ โดยไม่ต้องเลื่อนเมาส์ให้กด CTRL + E ถ้าหากอยากเปลี่ยน Search Engine ก็ให้กด CTRL + ลูกศรขึ้นหรือลง 4. เราสามารถแสดง Thumbnail ของ Tab ได้เหมือนใน Chrome (หรือ Apple Safari ก็แล้วแต่) ด้วยการกด CTRL + Q 5. สร้าง Tab ใหม่หรือครับ กด CTRL + T 6. เปิด Tab ใหม่เวลาที่พิมพ์จาก Address Bar ให้กด ALT + ENTER 7. ปิด Tab ที่ใช้งานอยู่ด้วย CTRL + W 8. อยากเปลี่ยน Tab ก็สามารถกด CTRL + TAB หรือ CTRL + SHIFT + TAB 9. สามารถเปลี่ยน Tab ตามหมายเลขของ Tab ได้ด้วยการกด CTRL + ตัวเลข 1 – 8 10. สลับไป Tab สุดท้ายด้วยการกด CTRL + 9 11. ปิด Tab อื่น ๆ ด้วย CTRL + ALT + F4   Mozilla Firefox 1. ถ้าเบราเซอร์แสดงข้อมูลหน้าเว็บเก่า เราสามารถสั่งให้เบราเซอร์เขียนแคชใหม่ด้วยการกด CTRL + F5 2. เลื่อนเคอร์เซอร์ไปที่ Address Bar ด้วยการกด ALT + D 3. เลื่อนเคอร์เซอร์ไปที่ Search Bar ด้วยการกด CTRL + K หรือ CTRL + E 4. สามารถกดค้นหาข้อความอย่างรวดเร็วได้ด้วยการกด “/” หรือ CTRL + F (มันต่างกันเล็กน้อย) 5. เปิดหน้า Home Page ด้วยการกด ALT + HOME 6. กด BACKSPACE เพื่อกลับไปหน้าเว็บก่อนหน้านี้ 7. ลบข้อมูลส่วนตัวด้วยการกด ALT + SHIFT + DELETE 8. ถ้าอยากได้หน้าจอดูเว็บเต็ม ๆ จอ แค่กด F11 และกดอีกครั้งเพื่อให้โปรแกรมกลับมาเหมือนเดิม 9. เราสามารถค้นหาลิงค์หรือย้ายจากลิงค์ไปอีกลิงค์หนึ่งด้วยการกด TAB หรือถ้าจะย้อนก็กด SHIFT + TAB ทางลัดพวกนี้สามารถประหยัดเวลา และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของเราได้มากเลยนะครับ ตอนแรกอาจจะคิดว่ามันเยอะคงจำไม่ได้ แต่หลังจากค่อย ๆ ใช้ไปสักระยะก็จะคุ้นมือเองครับ และการท่องเว็บของพวกเราก็จะง่ายมากขึ้น

03 Dec 2553 11:42 ผู้ชม: 3315
วิธีเสียบปลั๊กโน้ตบุ๊ค
วิธีเสียบปลั๊กโน้ตบุ๊ค

เรื่องนี้เป็นทิปสั้นๆ แต่..ทิปสั้นๆ นี้ ผมเชื่อว่ามีใครหลายยคนที่ไม่เคยรู้มาก่อน ประมาณว่า จริงเหรอ? ใช่เหรอ?ในช่วงแรกๆ ที่ผมใช้โน้ตบุ๊กก็อาการเดียวกับหลายๆ ท่าน เวลาจะเสียบปลั๊กก็เสียบตัวอะแดปเตอร์เข้ากับตัวเครื ่องก่อน (จริงๆ มันน่าจะถูกนะ) แล้วก็เอาปลั๊กอีกด้านไปเสียบกับเต้ารับของที่บ้าน หรือที่ทำงาน โดยหลักความเป็นจริงแล้ว มันจะควรจะทำแบบนี้ใช่มั้ย?คิดว่าหลายคนคิดเหมือนผม ปัญหาที่ผมเจอเมื่อทำแบบนี้กับโน้ตบุ๊กแทบทุกรุ่นที่ ผ่านมา ก็คือมันมีไฟแลปออกมาจากตัวปลั๊ก เหมือนเกิดการสปาร์คขึ้น เสียบกี่ครั้งก็เกิดอาการแบบนี้ จนพาลคิดไปว่าพวกอะแดปเตอร์โน้ตบุ๊กมันไม่ค่อยดีมั้ง ผมก็หาวิธีแก้ไขบ้างเพื่อนหลายคนใช้วิธีเด็ดกว่านี้ครับ คือซื้อปลั๊กที่มีสวิทซ์เปิดปิดมาเลย วิธีการที่เขาทำก็คือ เสียบปลั๊กทุกๆ อย่างให้เรียบร้อยก่อน แล้วค่อยเปิดสวิทซ์ที่ปลั๊ก เอ้ออ.. ไอเดียดีเนาะว่ามั้ย แต่จนแล้วจนรอด ผมเอ๊ะใจขึ้นมา เลยเปิดคู่มือโน้ตบุ๊กที่ผมเพิ่งได้มาใหม่ดู นั่งอ่านสักพัก ก็ถึง บ้างอ้อ จนได้ว่า สิ่งที่เราทำมานั้น ไม่ถูกต้องเลยครับมิน่า เสียบยี่ห้อไหน ก็ไฟแลบตะแลบแป๊บหมด.. พาลเอาใจหายว่าไฟจะช็อตได้ ต่อไปนี้ตั้งใจอ่านให้ดีดีนะครับ ในคู่มือเขาบอกไว้ชัดเจนเลยครับว่า วิธีการเสียบปลั๊กอะแดปเตอร์ของโน้ตบุ๊ก ที่ถูกต้องก็คือ ให้เราเสียบปลั๊กเข้ากับเต้ารับที่บ้านหรือที่ทำงานก ่อนครับ จากนั้นค่อยเอาปลายอีกด้านที่เหลือมาเสียบเข้ากับโน้ ตบุ๊ก อันนี้คือวิธีที่ถูกต้อง ผมเลยลองดูซะเลยครับ ปรากฏว่าอาการไฟแลบหรืออาการสปาร์คนั้นไม่มีเกิดขึ้น เลย โอ้! นี่แหละหนาาา..นิสัยไม่ชอบอ่านคู่มือ หลังจากนั้นมาผมก็พยายามแนะนำเพื่อนๆ ทุกคนที่เกิดอาการนี้ทั้งหมด ทุกรายแฮปปี้ดีแทคมากๆ ผมเชื่อว่าหลายคนยังไม่ทราบครับ ใครที่ทราบแล้วก็ฝากบอกต่อเพื่อนๆ ด้วยนะครับ จะได้เสียบปลั๊กอะแดปเตอร์ได้ถูกต้องเสียที ใครใช้โน้ตบุ๊กอยู่ตอนนี้จะลองทำดูก็ได้นะครับขอเพิ่มเติมด้วยว่า ใช้วิธีเดียวกันนี้กับ ทั้งมือถือ และ PDA ด้วย

31 Aug 2553 17:28 ผู้ชม: 3350
Lastest News
มีข้อมูลสำคัญ ทำอย่างไรให้ปลอดภัยและจัดเก็บง่ายด้วย
มีข้อมูลสำคัญ ทำอย่างไรให้ปลอดภัยและจัดเก็บง่ายด้วย

การที่จะจัดการกับข้อมูลสำคัญมีอยู่มากมายหลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการจัดเก็บในโฟลเดอร์ที่มีการเข้ารหัสหรือหาอุปกรณ์สำหรับจัดเก็บที่มีความปลอดภัย บางครั้งอาจจะใช้วิธี Hidden file ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับผู้ใช้เองว่าจะเลือกวิธีใด สำคัญมากสำคัญน้อย แต่อีกวิธีหนึ่งที่น่าสนใจไม่แพ้กันก็คือ การใช้วิธีบีบอัดไฟล์ด้วยโปรแกรมที่คุ้นหูคุ้นตากันดีอย่างเช่น WinRAR แต่เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้มากขึ้น ก็อาจจะใส่ลูกเล่นบางอย่างเข้าไป อย่างเช่น การแบ่งไฟล์และการใส่รหัส ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจไม่แพ้กัน1ขั้นแรกให้จัดเตรียมข้อมูลที่ต้องการจะจัดเก็บและเพิ่มความปลอดภัย2ในกรณีที่ติดตั้งโปรแกรม WinRAR แล้ว ให้คลิกขวาบนไฟล์ที่ต้องการจัดเก็บ แล้วเลือก Add to archive…

20 Sep 2556 09:45 ผู้ชม: 3356
Hot News
สร้าง Bootable Windows 7 USB Flash Drive ด้วย EasyBCD
สร้าง Bootable Windows 7 USB Flash Drive ด้วย EasyBCD

วิธีการติดตั้ง Windows 7 ด้วย USB Flash Drive ผู้ใช้ Windows 7 ก็พอรู้มาบ้างว่ามีวิธีทำได้ และก็มีหลากหลายโปรแกรมช่วยในการทำ วันนี้ผมก็มีอีกวิธีการหนึ่ง ซึ่งยากเลยทำง่ายๆ ตัวช่วยในการทำก็ได้แก่โปรแกรม EasyBCD ปกติโปรแกรมนี้ออกแบบให้ใช้ในการทำ Multi-Boot OS ผู้ที่ใช้ EasyBCD จะรู้ว่า EasyBCD นั้น.ใช้ในการ เพิ่ม เอาออก หรือแก้ไขระบบบูต ซึ่งในความเป็นจริงยังสามารถในการสร้าง บูตให้กับ USB Flash Drive อีกด้วย เพียงแค่คลิก 2-3 คลิก เราก็ได้ USB Flash Drive ที่บูตได้ วิธีการสร้าง Bootable Windows 7 USB Flash Drive ด้วย EasyBCD ก็มีดังนี้ 1.ถ้ายังไม่มีโปรแกรม EasyBCD ก็ไปดาวน์โหลดมาติดตั้งก่อน โดยสามารถดาวน์โหลดได้…. ที่นี่ 2.ต่อมาให้เราเอา USB Flash Drive ที่จะสร้างต่อเข้ากับคอมพิวเตอร์ ถ้ามีข้อมูลอยู่ก็ให้เอาออกเก็บไว้ที่อื่นก่อน แล้วทำการฟอร์แม็ต USB Flash Drive โดยคลิกขวาที่ไอคอนของ USB Flash Drive เลือกคำสั่ง Format ให้เลือก File system เป็น 32 Bit   3.ต่อมาให้เปิดโปรแกรม  EasyBCD ขึ้นมา แล้วคลิกที่ Bootloader Setup 4.ที่รายการ Create Bootable External Media ให้เลือก USB Flash Drive ที่จะทำ Bootable จากรายการ Partition:   5.จากนั้นก็คลิก Install BCD โปรแกรมจะทำการสร้างบูตสักครู่ เมื่อเสร็จจะมีหน้าต่างแสดงออกมาให้คลิก Yes ทำการปิดโปรแกรม EasyBCD   6.จากนั้นให้ก็อปปี้ไฟล์ที่อยู่ในแผ่นติดตั้ง Windows 7 ทั้งหมดลงใน USB Flash Drive เมื่อเสร็จเรียบร้อย เราก็จะได้ USB Flash Drive ที่สามารถติดตั้ง Windows 7 ไว้ใช้แล้ว

28 Mar 2554 09:38 ผู้ชม: 7823