มติ ครม. ไฟเขียว ขึ้นเงินเดือนลูกจ้าง สพฐ. แตะ 1.5 หมื่นบาท
มติ ครม. ไฟเขียว ขึ้นเงินเดือนลูกจ้าง สพฐ. แตะ 1.5 หมื่นบาท

มติ ครม. วันนี้ (8 ตุลาคม 2556) อนุมัติปรับค่าจ้าง สำหรับลูกจ้างรายเดือน นักการภารโรง และบุคลากรอื่น ๆ ในลักษณะจ้างเหมาของ สพฐ. โดยปริญญาตรี ได้เดือนละ 15,000 บาท ขณะที่ต่ำกว่าปริญญาตรี ได้เดือนละ 9,000 บาท           ร.ท.หญิง สุณิสา เลิศภควัต รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อนุมัติหลักการให้ปรับอัตราค่าจ้างสำหรับลูกจ้างรายเดือน นักการภารโรง และบุคลากรอื่น ๆ ที่ได้รับค่าจ้างรายวันหรือรายเดือน ในลักษณะจ้างเหมาของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) โดยมีข้อกำหนดดังนี้            1. ผู้มีวุฒิปริญญาตรีขึ้นไป ได้รับเงินค่าครองชีพเพิ่มขึ้น รวมเป็นค่าจ้าง เดือนละ 15,000 บาท จากเดิม ได้รับ 9,140 บาท และหากรวมเงินสมทบกองทุนประกันสังคม รวมเป็นค่าจ้างเดือนละ 15,750 บาท           2. ผู้มีวุฒิต่ำกว่าปริญญาตรี ได้รับเงินค่าครองชีพเพิ่มขึ้น รวมเป็นค่าจ้าง เดือนละ 9,000 บาท จากเดิม วุฒิอนุปริญญา ได้รับ 6,410 บาท และ ปวช. ม.3 และ ม.6. ได้รับ 5,700 บาท เมื่อรวมเงินสมทบกองทุนประกันสังคม รวมเป็นค่าจ้างเดือนละ 9,450 บาท  ทั้งนี้ ให้มีผลย้อนหลังตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2555 - 30 กันยายน 2556           อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันเจ้าหน้าที่กลุ่มนี้มีจำนวนกว่า 65,172 คน ต้องใช้งบประมาณ 3,300.82 ล้านบาท โดยในจำนวนนี้ มีบุคลากรที่ต้องลงไปปฏิบัติงานในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ตามนโยบายสร้างสันติสุขภาคใต้ของรัฐบาล จำนวน 2,040 อัตรา และเพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล ที่เงินเดือนปริญญาตรีขั้นต่ำควรอยู่ที่ 15,000 บาท ขณะที่วุฒิต่ำกว่าปริญญาตรี มีขั้นต่ำอยู่ที่ 9,000 บาท           นอกจากนี้ ขอให้หน่วยงานต่าง ๆ ที่มีเจ้าหน้าที่หรือลูกจ้างที่ได้รับค่าจ้างในลักษณะจ้างเหมา พิจารณาความจำเป็นหากต้องปรับค่าตอบแทนให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล โดยการเสนอความต้องการผ่านคณะกรรมการระดับชาติเพื่อขอความเห็นชอบจาก ครม. ต่อไป

09 Oct 2556 14:12 ผู้ชม: 1969
แจ้งความร่างทรงให้เด็กแฝดดื่มน้ำมนต์ไล่วิญญาณ น้ำท่วมปอดดับ 1
แจ้งความร่างทรงให้เด็กแฝดดื่มน้ำมนต์ไล่วิญญาณ น้ำท่วมปอดดับ 1

            ร่างทรงสั่งเด็กชายฝาแฝด ดื่มน้ำมนต์ 18 ลิตร เพื่อขับไล่วิญญาณ สุดท้ายดับ 1 สาหัส 1 โดยผลชันสูตรพบว่า เสียชีวิตจากอาการน้ำท่วมปวด หัวใจล้มเหลว และสมองบวม ขณะที่พ่อของเด็กแจ้งความเอาผิดถึงที่สุด            สืบเนื่องจากกรณีที่มีข่าวว่า เด็กชาย 2 คน ซึ่งเป็นพี่น้องฝาแฝดได้เดินทางพร้อมกับครอบครัว เพื่อร่วมพิธีถือศีลกินเจที่ญาติ ๆ จัดขึ้น แต่กลับถูกร่างทรงบังคับให้ดื่มน้ำมนต์ 18 ลิตร จนเสียชีวิต 1 คน อีก 1 คน อาการสาหัส ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล และยังอยู่ในอาการโคม่านั้น            ล่าสุด เมื่อวานนี้ (8 ตุลาคม 2556) ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังมูลนิธิสงเคราะห์คนชราอนาถา ถนนนิพัทธ์อุทิศ 3 เขตเทศบาลนครหาดใหญ่ จ.สงขลา ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งบำเพ็ญกุศลศพ น้องเอ้ (นามสมมติ) อายุ 16 ปี ซึ่งพ่อเด็กร้องเรียนว่า เสียชีวิตจากการดื่มน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ ส่วน น้องแอ้ (นามสมมติ) อายุ 16 ปี พี่ชายฝาแฝด ที่ถูกนำตัวส่งไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลหาดใหญ่ อาการยังน่าเป็นห่วง และต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด            ทั้งนี้ ผู้เป็นพ่อ วัย 51 ปี ได้เล่าย้อนเหตุการณ์ให้ฟังว่า เมื่อวันที่ 28 กันยายน ตนพาลูกชายทั้งสองไปร่วมปฏิบัติธรรมกับญาติ ประมาณ 10 คน ในช่วงเทศกาลถือศีลกินเจ ซึ่งมีการใช้บ้านพักของคนงานกรีดยางภายในสวนของญาติ อยู่ในพื้นที่เขาเล่ เขตเทศบาลเมืองสะเดา จ.สงขลา เป็นสถานที่ประกอบพิธีชั่วคราว โดยมีร่างทรง คือ นางกาญจนา (สงวนนามสกุล) อายุ 36 ปี เป็นผู้นำประกอบพิธี            โดยในช่วงเช้าจะมีการเดินจงกรม เที่ยงทานอาหารเจ บ่ายให้นั่งสมาธิ และช่วงเย็นตั้งแต่ประมาณ 4 โมงเย็นจนถึงเที่ยงคืนจะมีพิธีสำคัญ คือ ให้ทุกคนดื่มน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ขนาดถังบรรจุน้ำ 18 ลิตร เพื่อขับไล่ภูตผีปีศาจและสิ่งชั่วร้ายออกจากร่างกาย คนละ 1 ถัง ให้หมดภายในเวลาเที่ยงคืนของทุกวัน หรือจนกว่าร่างกายจะรับไม่ไหวและอาเจียนออกมา โดยกำหนดให้ทำเช่นนี้ตั้งแต่วันแรกที่เข้าประกอบพิธีจนกระทั่งสิ้นสุดเทศกาลถือศีลกินเจ            ซึ่งในวันแรก น้องเอ้ ก็เริ่มมีอาการชักเกร็ง แต่ร่างทรงและทุกคนต่างเชื่อว่า เป็นอาการของภูตผีที่กำลังออกจากร่าง และได้ช่วยกันบีบนวดจนฟื้นขึ้นมา โดยมีนางกาญจนาคอยทำพิธีและพูดจาหว่านล้อม ทำให้ทุกคนหลงเชื่อ จนกระทั่งคืนวันที่ 5 ตุลาคม เวลาประมาณ 3 ทุ่ม น้องเอ้ ที่เป็นแฝดน้อง ได้ดื่มน้ำเข้าไปอีก และเกิดอาการชักเกร็งมือหงิก ซึ่งนางกาญจนาบอกว่า เป็นอา

09 Oct 2556 14:07 ผู้ชม: 2037
โหด ! เด็กจีนฆ่าปาดคอครูสอนเคมี แค้นถูกริบโทรศัพท์
โหด ! เด็กจีนฆ่าปาดคอครูสอนเคมี แค้นถูกริบโทรศัพท์

 นักเรียนจีนสุดโหด ใช้มีดฆ่าปาดคอครูสอนเคมี เหตุแค้นที่ถูกริบโทรศัพท์มือถือไป ก่อนจะเข้ามามอบตัวกับตำรวจด้วยตัวเอง          วันที่ 17 กันยายน 2556 เว็บไซต์เดลี่เมลของอังกฤษ มีรายงานว่า เกิดเหตุนักเรียนชาวจีนรายหนึ่ง ใช้อาวุธมีดฆ่าปาดคอคุณครูวิชาเคมี เนื่องจากแค้นที่คุณครูยึดโทรศัพท์ของเขาไปก่อนจะโทรศัพท์แจ้งเหตุและเดินทางเข้ามามอบตัวกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ          โดยรายงานระบุว่า นักเรียนที่ก่อเหตุนั้น ก็คือนายเล่ย นักเรียนจากโรงเรียนมัธยมต้นหมายเลข 2 ในหลินฉวน เมืองฝูเจี้ยน มณฑลเจียงซี ประเทศจีน ซึ่งได้ถูก นายซุนหวาคัง วัย 32 ปี คุณครูสอนวิชาเคมี พบว่ากำลังแอบเล่นโทรศัพท์มือถือในคาบเรียนวิชาเคมี เมื่อเห็นดังนั้นครูซุนจึงได้ริบโทรศัพท์มือถือของนายเล่ยเอาไว้ ก่อนจะคืนให้หลังเวลาเลิกเรียน          อย่างไรก็ตาม ด้วยความโกรธแค้น ทำให้ในวันถัดมานายเล่ยตัดสินใจบุกเข้ามาที่ห้องเรียนวิชาเคมี แล้วใช้มีดปาดคอครูซุนจากด้านหลังก่อนจะรีบหลบหนีไป ขณะที่ครูคนอื่น ๆ ซึ่งได้ยินเสียงร้องของครูซุนรีบเข้ามาในที่เกิดเหตุ และพยายามโทรศัพท์เรียกหน่วยบริการฉุกเฉินให้เข้ามาช่วยเหลือ แต่ก็ไม่ทันกาลเพราะครูซุนได้สิ้นใจก่อนที่รถพยาบาลจะมาถึง          จากนั้นในวันที่ 17 กันยายน นายเล่ยก็ได้โทรศัพท์เข้ามาสารภาพเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดกับทางหน่วยบริการฉุกเฉินในท้องถิ่น ก่อนจะเดินทางเข้ามามอบตัวกั

20 Sep 2556 09:32 ผู้ชม: 1965
แม่จอร์เจียเก็บศพลูกชายนาน 18 ปี เผยห่อศพด้วยผ้าจุ่มแอลกอฮอล์
แม่จอร์เจียเก็บศพลูกชายนาน 18 ปี เผยห่อศพด้วยผ้าจุ่มแอลกอฮอล์

 แม่ชาวจอร์เจียเก็บศพลูกชายในบ้านนานกว่า 18 ปี เผยใช้ผ้าจุ่มแอลกอฮอล์หุ้มศพให้ทุกวันเพื่อให้ศพคงสภาพ          เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2556 เว็บไซต์เดลี่เมลของอังกฤษ เปิดเผยเรื่องราวของแม่ชาวจอร์เจียรายหนึ่ง ที่เก็บศพลูกชายที่เสียชีวิตไปเมื่อ 18 ปีก่อน ไว้ในบ้าน โดยรักษาสภาพศพด้วยการหุ้มด้วยผ้าจุ่มแอลกอฮอล์ เผยเป็นความต้องการของลูกชายเอง          คุณแม่รายนี้ มีชื่อว่า นางไซยูรี กวารัตเชเลีย จากประเทศจอร์เจีย ทางตะวันออกของยุโรป ได้เก็บรักษาศพของนายโจนี บาการาดซ์ ลูกชายวัย 22 ปี ที่ล่วงลับไปเมื่อปี ค.ศ. 1995 ไว้ โดยใช้วิธีห่อหุ้มศพไว้ด้วยผ้าจุ่มแอลกอฮอล์ เก็บไว้ในโลงศพชั้นล่างของบ้าน และคอยดูแลเป็นอย่างดี ซึ่งผลปรากฏว่าศพของบาการาดซ์มีลักษณะคล้ายกับมัมมี่ สภาพค่อนข้างจะสมบูรณ์อยู่นานหลายปีเลยทีเดียว          นางกวารัตเชเลีย เปิดเผยว่า การเก็บรักษาศพนี้เป็นความต้องการของบาการาดซ์เอง เขาอยากให้ลูกของเขาได้เห็นได้สัมผัสตัวเขาได้หลังจากล่วงลับ และลูกของเขาก็รักเขามากด้วย ส่วนวิธีการเก็บรักษาศพนั้น เธอบอกว่า มันมาจากความฝันของเธอ ในฝันนั้นเธอได้ยินเสียงหนึ่งบอกเธอว่าให้เช็ดศพลูกชายด้วยแอลกอฮอล์ เธอจึงจัดการทำตามนั้นและนำผ้ามาจุ่มแอลกอฮอล์ห่อศพลูกชายไว้ โดยเปลี่ยนผ้าห่อศพทุกวัน เธอระบุว่าห้ามทิ้งให้ศพนอนอยู่โดยไม่ได้ห่อด้วยผ้าจุ่มแอลกอฮอล์เด็ดขาดเพราะจะทำให้ผิวพรรณศพเริ่มกลายเป็นสีดำ          ทั้งนี้ ตลอดระยะเวลา 10 กว่าปีที่ผ่านมา เธอจะเปลี่ยนเสื้อผ้าให้กับศพลูกชายในวันเกิดของเขา แต่ 4 ปีหลังนี้ เธอไม่สามารถเปลี่ยนชุดให้ได้แล้ว เพราะศพเริ่มเน่าเปื่อยย่อยสลายไปตามกาลเวลาแล้ว

11 Sep 2556 11:08 ผู้ชม: 2108
ผู้บริโภคอ่วม ! ราคาไข่ไก่ปรับขึ้นอีก อาหารตามสั่งจ่อปรับราคา
ผู้บริโภคอ่วม ! ราคาไข่ไก่ปรับขึ้นอีก อาหารตามสั่งจ่อปรับราคา

พ่อค้า-แม่ค้า จ่อปรับราคาอาหารตามสั่งใน กทม. รับมือต้นทุนค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น หลังมีการขึ้นราคาไข่ไก่เบอร์ทุกเบอร์ ฟองละ 10-15 สตางค์          วันนี้ (9 กันยายน 2556) รายการเรื่องเล่าเช้านี้ ทางช่อง 3 รายงานถึงสถานการณ์ราคาไข่ไก่ที่ขยับตัวสูงขึ้น จากตอนแรกที่หลายฝ่ายคาดการณ์ว่า จะมีราคาคละหน้าฟาร์มอยู่ที่ 3.30 บาทต่อฟอง แต่ปรากฏว่า ราคาไข่ไก่คละหน้าฟาร์มขณะนี้ มีราคาอยู่ที่ 3.50 บาทต่อฟอง เนื่องจากมีการปรับราคาเฉลี่ยทุกเบอร์ ฟองละ 10-15 สตางค์           โดยในเวลาต่อมา กระทรวงพาณิชย์ ได้เผยราคาไข่ไก่ในพื้นที่ กทม. ดังนี้           ไข่ไก่เบอร์ 0 จากฟองละ 4.5-4.6 บาท ขึ้นราคาเป็นฟองละ 4.6-4.7 บาท           ไข่ไก่เบอร์ 1 จากฟองละ 4.2-4.3 บาท ขึ้นราคาเป็นฟองละ 4.3-4.4 บาท           ไข่ไก่เบอร์ 2 จากฟองละ 3.9-4 บาท ขึ้นราคาเป็นฟองละ 4-4.1 บาท           ไข่ไก่เบอร์ 3 จากฟองละ 3.75-3.85 ขึ้นราคาเป็นฟองละ 3.9-4 บาท           ไข่ไก่เบอร์ 4 จากฟองละ 3.4-3.5 บาท ขึ้นราคาเ

11 Sep 2556 10:53 ผู้ชม: 1972
ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.สงขลาเริ่มโชว์วิสัยทัศน์คึกคัก
ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.สงขลาเริ่มโชว์วิสัยทัศน์คึกคัก

ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - บรรยากาศการหาเสียงเลือกตั้ง ส.ส.ใน จ.สงขลา คึกคักว่าที่ผู้สมัครแบบเขตเลือกตั้งของพรรคการเมืองต่างๆ ทยอยเปิดตัวและแสดงวิสัยทัศน์ทางการเมืองกับหัวคะแนนและประชาชน              วันนี้ (21 พ.ค.) บรรยากาศการหาเสียงเลือกตั้ง ส.ส.ใน จ.สงขลา บรรดาว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.แบบเขตเลือกตั้งของพรรคการเมืองต่างๆ เริ่มทยอยเปิดตัวอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ซึ่งครองพื้นที่มาหลายสมัย              ล่าสุด นายลาภศักดิ์ ลาภาโรจน์กิจ อดีต ส.ส.เขต2 สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ได้เปิดตัว นายถิรพล ลาภาโรจน์กิจ ลูกชายที่จะลงสมัครในพื้นที่เขต2 สงขลา แทนตัวเองที่ไปลงสมัครในระบบปาตี้ลิสลำดับที่125 เพื่อให้หัวคะแนนและผู้สนับสนุนทางการเมืองรวมทั้งประชาชนในเขต2 ได้รู้จัก พร้อมกับแสดงวิสัยทัศน์ทางการเมืองเนื่องจากเป็นว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.หน้าใหม่ใน จ.สงขลา ของพรรคประชาธิปัตย์ที่เพิ่งลงสนามเลือกตั้งเป็นสมัยแรก              ทั้งนี้สำหรับพื้นที่ทั้ง8 เขตเลือกตั้งของ จ.สงขลา การเลือกตั้งครั้งนี้พรรคประชาธิปัตย์ได้เปลี่ยนตัวผู้สมัครใน 2 เขตเลือกตั้งคือเขต2 ส่งนายถิรพล ลงสมัคร และเขต8 ส่ง พล.ต.ต.สุรินทร์ ปาลาเร่ ลงสมัครแทน นายนาราชา สุวิทย์ อดีต ส.ส.คนเก่า ส่วนอีก 6 เขตเลือกตั้งยังเป็นคนเดิมทั้งหมดและคาดว่าจะสามารถกวาดได้ครบทั้ง 8 เขตเลือกตั้งอีกครั้ง

21 May 2554 16:43 ผู้ชม: 3274
พบซากช้างสเตโกคอน อายุ 1.8 ล้านปีในถ้ำมนุษย์หินโบราณสตูล
พบซากช้างสเตโกคอน อายุ 1.8 ล้านปีในถ้ำมนุษย์หินโบราณสตูล

สตูล - นักธรณีวิทยาพบซาก ช้างสเตโกคอน ดึกดำบรรพ์ อายุ 1.8 ล้านปีตัวที่ 2 ของจังหวัดสตูลในถ้ำมนุษย์หินโบราณ พร้อมฟอสซิล 215 ชิ้น เตรียมผลักดันเป็นพิพิธภัณฑ์เพื่อการเรียนรู้และพัฒนาต่อยอดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงนิเวศวิทยา       วันนี้( 22 เม.ย.) ผศ.ดร.ประเทือง จินตสกุล ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยไม้กลายเป็นหิน และทรัพยากรธรณีวิทยา ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พร้อมนายจรูณ ด้วงกระยอม นักธรณีวิทยา นายณรงค์ฤทธิ์ ทุ่งปรือ นายก อบต.ทุ่งหว้า และนักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กว่า 20 คน เดินทางสำรวจภายในถ้ำ วังกล้วย บริเวณ ม.7 ต.ทุ่งหว้า อ.ทุ่งหว้า จ.สตูล ซึ่งเป็นการลงสำรวจเป็นครั้งที่ 11 นับตั้งแต่เริ่มต้นค้นหาซากดึกดำบรรพ์ มานานเกือบ 4 ปี         การลงพื้นที่ในครั้งนี้เจ้าหน้าค้นพบซากดึกดำบรรพ์ ที่มีอายุระหว่าง 1.8 ล้านปี เพิ่มเติมอีก 16 ชิ้น รวมทั้งหมด 215 ชิ้นในพื้นที่ 5 จุดตลอดความยาวถ้ำ ซึ่งมีชิ้นส่วนของกระดูกสันหลังและฟันกรามของแรด ชิ้นส่วนของขวานหินขัดโบราณ อายุกว่า 5,000 ปี ที่สำคัญมีการค้นพบหลักฐานชิ้นสำคัญของ ช้างสเตโกคอน ที่สูญพันธุ์ไปแล้วหลายพันปี คือ ฟันกรามส่วนที่ 2 และส่วนที่ 3 ซึ่งคล้ายคลึงกับตัวอย่างที่เคยเก็บได้ก่อนหน้านี้ ซึ่งเจ้าหน้าที่จากสถาบันวิจัยไม้กลายเป็นหิน และทรัพยากรธรณีวิทยาฯ นำกลับไป          ด้านนายณรงค์ฤทธิ์ ทุ่งปรือ นายก อบต.ทุ่งหว้า กล่าวว่า “ถ้ำกล้วย” เป็นพื้นที่ แห่งใหม่ที่ทาง องค์การบริหารส่วนตำบล ร่วมกับ ถาบันวิจัยไม้กลายเป็นหิน และทรัพยากรธรณีวิทยา ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และนักธรณีวิทยา สำรวจค้นหาซากดึกดำบรรพ์บริเวณภายในถ้ำ พบว่า ถ้ำแห่งนี้มีความสวยงามของหินงอกหินย้อย บรรยากาศมีลมพัดผ่าน และมีความกว้างขวาง เหมือนเป็นที่อยู่ของมนุษย์โบราณ ทำให้ชาวบ้านในพื้นที่เรียกว่า ถ้ำเล มีลักษณะความยาวเป็นทางแยกคล้ายตัว วาย ความยาวประมาณ 2 กิโลเมตร         เส้นทางทั้งหมดสามารถใช้เรือคายัค หรือเรือยางพายเข้าไปชมธรรมชาติด้านในได้ ซึ่งความยาวด้านหนึ่งสามารถทะลุ ออกบริเวณทะเลอันดามันและขึ้นฝั่งได้บริเวณ “ท่าอ้อย” ได้ ส่วนทางเข้าอีกด้านทะลุ บริเวณ ต.ทุ่งหว้า ส่วนฐานตัววายจะอยู่บริเวณปลายถ้ำ ซึ่งเป็นทางตัน               ช้างสเตโกคอน นั้นจัดเป็นช้างโบราณที่สูญพันธุ์ไปแล้วกว่า 1.8 ล้านปี และการค้นพบฟอสซิลของสัตว์ดึกดำบรรพ์ในพื้นที่ จ.สตูล ครั้งนี้ถือได้ว่า เป็นการค้นพบซากดึกดำบรรพ์เป็นจังหวัดแรกในพื้นที่ภาคใต้ สถาบันฯเห็นว่า สมควรที่จะมีการผลักดันให้เป็น พิพิธภัณฑ์เพื่อการเรียนรู้และพัฒนาต่อยอดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงนิเวศวิทยาต่อไปได้ ซึ่งทั้งหมดยังอยู่ในขั้นตอนที่กำลังดำเนินการผลักดันอยู่

22 Apr 2554 16:25 ผู้ชม: 4025
แผ่นดินไหว 6.5 ใต้ทะเลใกล้เซนไดเตือนสึนามิ
แผ่นดินไหว 6.5 ใต้ทะเลใกล้เซนไดเตือนสึนามิ

เกิดเหตุแผ่นดินไหวใต้ทะเลนอกชายฝั่ง ของเกาะฮอนชู ประเทศญี่ปุ่น วัดแรงสั่นสะเทือนได้ 6.5 ริกเตอร์ เบื้องต้น จนท.ญี่ปุ่น มีประกาศ เตือนภัยสึนามิ ขนาด 50 เซนติเมตร  สำนักธรณีวิทยาสหรัฐฯ รายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 05.23 น. ตามเวลาประเทศ เกิดแผ่นดินไหวใต้ทะเล ขนาด 6.5 ริกเตอร์ โดยมีจุดศูนย์กลางอยู่ใต้ทะเลลึกแค่ 5.9 ก.ม. และห่างจากเมืองเซ็นได ราว 109 ก.ม. เมือง ยากามาตะ 156 ก.ม. ห่างเมือง ฟุกูชิมะ ราว 161 ก.ม. และห่างจากกรุงโตเกียว ราว 368 ก.ม. เบื้องต้น สำนักข่าวต่างประเทศหลายแห่งรายงานว่า สำนักอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่นได้ประกาศเตือนว่าอาจเกิดคลื่นสึนามิขนาดเล็กราว 0.5 เมตร ซึ่งยังต้องรอรายงานผลกระทบหรือความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น จากแผ่นดินไหวขนาด 6.5 ริกเตอร์ ครั้งนี้ซึ่งคาดว่ อาจทำให้โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ที่เมืองฟุกุชิมะ อาจได้รับผลกระเทือนบ้างในแผ่นดินไหวครั้งนี้

28 Mar 2554 10:03 ผู้ชม: 3024
มาตรการรับมือ กัมมันตรังสีนิวเคลียร์ญี่ปุ่น หากมาถึงไทย
มาตรการรับมือ กัมมันตรังสีนิวเคลียร์ญี่ปุ่น หากมาถึงไทย

สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติประกาศมาตรการเมื่อมีการฟุ้งกระจายของกัมมันตรังสี 15 มี.ค. สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติติดตั้งเครื่องวัดรังสีในอากาศทั่วประเทศ ที่กรุงเทพมหานคร ขอนแก่น เชียงใหม่ และสงขลา ซึ่งการแจ้งเตือนจะเตือนเมื่อระดับรังสีสูงกว่า 200 nSv/hr (Investigation level) โดยสำนักสนับสนุนกำกับดูแลความปลอดภัยจากพลังงานปรมาณู ทั้งนี้ เมื่อมีการฟุ้งกระจายและมีผลต่อสุขภาพของประชาชนในระดับรุนแรงนั้น จะมีการดำเนินการดังนี้ 1. แนะนำให้ประชาชน ไม่ดื่ม หรือไม่รับประทานอาหารที่มีการปนเปื้อนวัสดุกัมมันตรังสีดังกล่าว 2. ถ้าวัดระดับรังสีในอากาศได้มากกว่า 1 ไมโครซีเวิร์ทต่อชั่วโมง ขึ้นไป ให้ประชาชนหลบอยู่ในที่พักอาศัย โดยปิดประตู หน้าต่างอย่างแน่นหนา และปิดระบบระบายอากาศ เพื่อป้องกันไม่ให้วัสดุกัมมันตรังสีที่อยู่ในอากาศเข้ามาในที่พักอาศัยได้ 3. รอรับการแจ้งจากหน่วยงานระงับเหตุฉุกเฉิน (จากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จังหวัดที่เกี่ยวข้องและได้รับผลกระทบจากเหตุฉุกเฉินทางนิวเคลียร์และรังสี และสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ) ว่าจะปฏิบัติตนอย่างไรต่อไป 4. เมื่อระดับรังสีที่ประเมินได้ สูงจนเป็นอันตรายต่อประชาชน หรือ 1 มิลลิซีเวิร์ท แนะนำให้ประชาชนอพยพออกนอกบริเวณ และไปอยู่ในบริเวณที่มีระดับรังสีไม่ทำให้เป็นอันตรายต่อร่างกาย 5. เมื่อระดับรังสีที่ประเมินได้ อยู่ในระดับปกติ แจ้งเตือนให้ประชาชนมีระมัดระวังในเรื่องของการเปรอะเปื้อนทางรังสีที่พื้น ดิน อาคารบ้านเรือน 6. การป้องกันเบื้องต้นสำหรับวัสดุกัมมันตรังสี I-131 เมื่อพบว่ามีการฟุ้งกระจายของวัสดุกัมมันตรังสี I-131 แจ้งให้ประชาชนรับประทาน โปแตสเซียมไอโอได ในทันที เพื่อลดการรับรังสีบีตา และแกมมาที่ต่อมไทรอยด์ 7. การป้องกันเบื้องต้นสำหรับวัสดุกัมมันตรังสี Cs-137 ให้รับประทาน Prussian Blue หลังจากที่ได้รับวัสดุกัมมันตรังสี Cs-137 นั้นเข้าสู่ร่างกาย (ตามคำแนะนำของทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ) อนึ่ง ทั้งหมดนี้เป็นแนวปฏิบัติเบื้องต้นสำหรับประชาชนคนไทย ในกรณีที่มีการฟุ้งกระจายของวัสดุกัมมันตรังสี จากเหตุฉุกเฉินทางนิวเคลียร์ดังกล่าวในปริมาณที่สูงจนอาจก่อให้เกิดอันตราย ขณะเดียวกัน สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติยังมีการตรวจวัดอย่างต่อเนื่อง เพื่อทำให้ประชาชนคนไทยได้มั่นใจในความปลอดภัยทั้งจากนิวเคลียร์และรังสีที่มีผลต่อสุขภาพร่างกาย

15 Mar 2554 17:29 ผู้ชม: 2316
4 คนดัง ปลุกกระแสการใช้งานซอฟต์แวร์ลิขสิทธิ์
4 คนดัง ปลุกกระแสการใช้งานซอฟต์แวร์ลิขสิทธิ์

เหตุผลสำคัญที่คนทั่วไปเลือกใช้ของแท้คงหนีไม่พ้นเรื่องของความต้องการ ความมั่นใจในคุณภาพที่เหนือกว่า รวมทั้งความเป็นเอกลักษณ์ของผลิตภัณฑ์ จึงไม่น่าแปลกใจที่ผู้หญิงส่วนใหญ่จึงมักเลือกซื้อเครื่องสำอางแท้จากแบรนด์ที่ตนชื่นชอบ หรือ ชายหนุ่มจะเลือกซื้อรองเท้ากีฬาของแท้จากยี่ห้อโปรด เพื่อที่จะมั่นใจได้ว่าจะสามารถใช้งานผลิตภัณฑ์ดังกล่าวได้เป็นระยะเวลานานและตอบโจทย์สิ่งที่เขากำลังมองหาได้อย่างเต็มเปี่ยม               ต้องยอมรับว่ากระแสการใช้งานของแท้กำลังมาแรงขึ้นเรื่อยๆ เพราะผู้บริโภคต่างก็มีความเข้าใจถึงคุณค่าจากการใช้งานผลิตภัณฑ์ของแท้มากยิ่งขึ้น ทั้งยังต้องการมองหาสินค้าที่มีคุณภาพ มีเอกลักษณ์ และสามารถตอบสนองความต้องการทั้งทางด้านการทำงานและไลฟสไตล์ได้อย่างครบครัน              โดยเห็นได้จากอัตราการละเมิดลิขสิทธิ์ของประเทศที่ค่อยๆ ลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้งานซอฟต์แวร์แท้ ที่คนส่วนใหญ่ต่างก็เห็นความสำคัญมากขึ้น เพราะเชื่อมั่นว่าจะเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ให้ความปลอดภัย และเสถียรภาพของข้อมูลที่มากกว่าซอฟต์แวร์เถื่อน              อีกหนึ่งกิจกรรมสร้างสรรค์จากบริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด ที่เกิดขึ้นและนำเสนอเพื่อกระตุ้นให้คนไทยเห็นความสำคัญและประโยชน์ของการเลือกใช้สินค้าลิขสิทธิ์ รวมทั้งซอฟต์แวร์ลิขสิทธิ์แท้อย่างวินโดวส์ 7 คือ แคมเปญ “Me and My 100% PC” ที่ได้ 4 ตัวแทนคนรุ่นใหม่ จากหลากหลายอาชีพและไลฟ์สไตล์มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการถ่ายทอดแนวคิดชีวิตเต็มที่ 100% กับซอฟต์แวร์ของแท้ในแบบของตนเองอย่างสร้างสรรค์               ได้แก่ ปกรณ์ สันติสุนทรกุล ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ Dek-D.com แทนธวัช เรืองศร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไพรม แมนชั่น จำกัด ทิชา สุทธิธรรม นักวิเคราะห์และผู้ประกาศข่าวรุ่นใหม่ และปิยชัย กรรณสูต Assistance to Senior Executive Vice President บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน)              ปฐมา จันทรักษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า แคมเปญ “Me and My 100% PC” เริ่มต้นเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยเป็นแคมเปญที่จะทำอย่างต่อเนื่องเพื่อส่งเสริมให้คนไทยมีความเข้าใจการใช้งานซอฟต์แวร์ลิขสิทธิ์มากยิ่งขึ้น และตระหนักถึงประโยชน์ของซอฟต์แวร์ลิขสิทธิ์ในฐานะเครื่องมือสำคัญในการส่งเสริมการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ อันจะช่วยให้ธุรกิจประสบผลสำเร็จ              แคมเปญดังกล่าวยังสอดคล้องเป็นอย่างดีกับแนวทางการดำเนินงานและความมุ่งมั่นของไมโครซอฟท์ ที่ต้องการจะสื่อสารและใกล้ชิดกับผู้บริโภคยิ่งขึ้น นอกเหนือไปจากการเปิดตัวไมโครซอฟท์ เอ็กซ์พีเรียนซ์ แกลเลอรี่ อย่างเป็นทางการ 3 แห่ง ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ที่ไอที มอลล์ ฟอร์จูน ทาวน์ พาราไดซ์ พาร์ค และ สยามทีวี เชียงใหม่ ที่เปิดโอกาสให้ประชาชนทั่วไปสามารถสัมผัสและทดลองการใช้งานเทคโนโลยีต่างๆของไมโครซอฟท์ได้ด้วยตนเอง              รวมถึงการสื่อสารกับลูกค้าผ่านทางช่องทางออนไลน์ที่แฟนเพจของ Windows 7 ที่ http://www.facebook.com/Windows7ThaiFan และทางเว็บไซต์วินโดวส์ 7 www.windows7thailand.com              สำหรับพรีเซ็นเตอร์ของแคมเปญ "Me and My 100% PC" ต่างก็มีมุมมองที่น่าสนใจเกี่ยวกับการใช้งานสินค้าลิขสิทธิ์ โดยหนึ่งในพรีเซ็นเตอร์ ปกรณ์ สันติสุนทรกุล ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ Dek-D.com ที่ให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง กับเรื่องลิขสิทธิ์และทรัพย์สินทางปัญญา รวมถึงซอฟต์แวร์ลิขสิทธิ์ เนื่องด้วยมีความเข้าใจดีว่าการพัฒนาซอฟต์แวร์แต่ละชิ้นต้องทุ่มเทแรงกายแรงใจ และความคิดสร้างสรรค์              "ผมทำงานเกี่ยวข้องกับวัยรุ่นและเยาวชนโดยตรง จึงต้องการส่งเสริมให้เยาวชนเห็นคุณค่าและประโยชน์ของการปกป้องทรัพย์สินทางปัญญา รวมทั้งเลือกใช้สินค้าและซอฟต์แวร์ลิขสิทธิ์ นอกจากนี้ ในฐานะเว

04 Mar 2554 10:51 ผู้ชม: 2830
Lastest News
มติ ครม. ไฟเขียว ขึ้นเงินเดือนลูกจ้าง สพฐ. แตะ 1.5 หมื่นบาท
มติ ครม. ไฟเขียว ขึ้นเงินเดือนลูกจ้าง สพฐ. แตะ 1.5 หมื่นบาท

มติ ครม. วันนี้ (8 ตุลาคม 2556) อนุมัติปรับค่าจ้าง สำหรับลูกจ้างรายเดือน นักการภารโรง และบุคลากรอื่น ๆ ในลักษณะจ้างเหมาของ สพฐ. โดยปริญญาตรี ได้เดือนละ 15,000 บาท ขณะที่ต่ำกว่าปริญญาตรี ได้เดือนละ 9,000 บาท           ร.ท.หญิง สุณิสา เลิศภควัต รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อนุมัติหลักการให้ปรับอัตราค่าจ้างสำหรับลูกจ้างรายเดือน นักการภารโรง และบุคลากรอื่น ๆ ที่ได้รับค่าจ้างรายวันหรือรายเดือน ในลักษณะจ้างเหมาของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) โดยมีข้อกำหนดดังนี้            1. ผู้มีวุฒิปริญญาตรีขึ้นไป ได้รับเงินค่าครองชีพเพิ่มขึ้น รวมเป็นค่าจ้าง เดือนละ 15,000 บาท จากเดิม ได้รับ 9,140 บาท และหากรวมเงินสมทบกองทุนประกันสังคม รวมเป็นค่าจ้างเดือนละ 15,750 บาท           2. ผู้มีวุฒิต่ำกว่าปริญญาตรี ได้รับเงินค่าครองชีพเพิ่มขึ้น รวมเป็นค่าจ้าง เดือนละ 9,000 บาท จากเดิม วุฒิอนุปริญญา ได้รับ 6,410 บาท และ ปวช. ม.3 และ ม.6. ได้รับ 5,700 บาท เมื่อรวมเงินสมทบกองทุนประกันสังคม รวมเป็นค่าจ้างเดือนละ 9,450 บาท  ทั้งนี้ ให้มีผลย้อนหลังตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2555 - 30 กันยายน 2556           อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันเจ้าหน้าที่กลุ่มนี้มีจำนวนกว่า 65,172 คน ต้องใช้งบประมาณ 3,300.82 ล้านบาท โดยในจำนวนนี้ มีบุคลากรที่ต้องลงไปปฏิบัติงานในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ตามนโยบายสร้างสันติสุขภาคใต้ของรัฐบาล จำนวน 2,040 อัตรา และเพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล ที่เงินเดือนปริญญาตรีขั้นต่ำควรอยู่ที่ 15,000 บาท ขณะที่วุฒิต่ำกว่าปริญญาตรี มีขั้นต่ำอยู่ที่ 9,000 บาท           นอกจากนี้ ขอให้หน่วยงานต่าง ๆ ที่มีเจ้าหน้าที่หรือลูกจ้างที่ได้รับค่าจ้างในลักษณะจ้างเหมา พิจารณาความจำเป็นหากต้องปรับค่าตอบแทนให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล โดยการเสนอความต้องการผ่านคณะกรรมการระดับชาติเพื่อขอความเห็นชอบจาก ครม. ต่อไป

09 Oct 2556 14:12 ผู้ชม: 1969
Hot News
รถตู้รับส่งนักเรียนเสียหลักชนต้นไม้ริมถนน นร.เจ็บ 5 ไม่มีเสียชีวิต
รถตู้รับส่งนักเรียนเสียหลักชนต้นไม้ริมถนน นร.เจ็บ 5 ไม่มีเสียชีวิต

รถตู้รับส่งนักเรียนประสบอุบัติเหตุชนต้นไม้ริมถนนนักเรียนบาดเจ็บ 5 ราย อาการน่าเป็นห่วง 2 ราย สาเหตุเป็นเพราะฝนตกหนักถนนลื่น              วันนี้ (21 ธ.ค.) ร.ต.ท.ชัยวัฒน์ มุสิโก ร้อยเวร สภ.รัตภูมิ จ.สงขลา รับแจ้งว่าเกิดอุบัติเหตุรถนักเรียนชนต้นไม้บริเวณหลัก กม. เส้นทางสายเอเชียฝั่งขาออกไป จ.พัทลุง พื้นที่หมู่ 7 ต.คูหาใต้ มีนักเรียนได้รับบาดเจ็บหลายราย จึงรีบรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วยหน่วยกู้ภัยรัตภูมิ ที่เกิดเหตุพบรถตู้ยี่ห้อโตโยต้า สีบรอนซ์ ทะเบียน นข 4545 สงขลา เสียหลักตกลงข้างทางและชนติดอยู่กับต้นไม้ริมถนน สภาพรถด้านหน้าพังยับเยิน              เบื้องต้นมีนักเรียนได้รับบาดเจ็บ 5 คน หน่วยกู้ภัยรัตภูมินำตัวส่งโรงพยาบาลรัตภูมิ ในจำนวนนี้อาการน่าเป็นห่วง 2 ราย คือ น.ส. ศรัลยา ขาวกลิบ นักเรียนโรงเรียนหาดใหญ่รัฐประชาสรรค์ และ น.ส.อจิรวดี สุวรรณจันทร์ นักเรียนโรงเรียนหาดใหญ่วิทยาลัยสมบูรณ์กุลกันยา แพทย์ให้นอนดูอาการที่โรงพยาบาล              ส่วนอีก 3 คน คือ น.ส.ภัทธิวา ปานแก้ว นักเรียนโรงเรียนหาดใหญ่รัฐประชาสรรค์ ด.ช.ชานน วิจะสิกะ และด.ช.ณัฐกร ทับทวี โรงเรียลพลวิทยา บาดเจ็บเล็กน้อยแพทย์อนุญาตให้กลับบ้านได้ ขณะที่ นางสาวจุรัตน์ ปาแก้ว อายุ34 ปี ซึ่งเป็นคนขับปลอดภัย              จากการสอบสวนทราบว่า ขณะเกิดเหตุรถตู้คันดังกล่าวได้รับนักเรียนทั้งหมดเดินทางไปโรงเรียนซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ แต่ขณะเกิดเหตุมีฝนตกลงมาอย่างหนักทำให้ถนนลื่นและรถเกิดเสียหลักพุ่งลงข้างทางไปชนกับต้นไม้ โชคดีที่นักเรียนแค่บาดเจ็บ โดยตำรวจจะเรียกคนขับมาสอบสวนอีกครั้งหนึ่ง

21 Dec 2553 11:44 ผู้ชม: 5963